วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของวิตามินอี

         

          สวัสดีค่ะ หายไป 2 - 3 วันเลย พอดีติดธุระเลยไม่ค่อยมีเวลาค่ะ วันนี้มาแล้วค่ะมาอัปเดทข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพมาฝากเช่นเคยค่ะ วันนี้นำเรื่อง วิตามินอีมาฝากกันค่ะ   วิตามินอีนี้ มีหน้าที่หลัก ๆ อยู่สองประการค่ะ คือ 1.  เป็นสารเคมีที่จำเป็นสำหรับขับเคลื่อนปฏิกริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต 2.  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีการค้นพบว่า ถ้าคนเรามีสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือดมากขึ้น คนเราก็จะมีอายุยืน สุขภาพแข็งแรงขึ้น


           หลาย ๆ คนคงรู้แล้วว่าอนุมูลอิสระคืออะไร แต่สำหรับคนที่ยังงง ๆ อยู่ก็ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ก็จะเล่าให้ฟังด้วยเลย เจ้าตัวอนุมูลอิสระก็คือ เป็นสารที่สิ่งมีชีวิตในโลกสร้างขึ้น เมื่อหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป มันเป็นส่วนสำคัญในขบวนการสันดาปของร่างกาย ซึ่งส่งผลให้เกิดการนำพลังงานไปใช้ เกิดการสังเคราะห์โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเราจะทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคไม่ได้ หากปราศจากอนุมูลอิสระ แต่มันก็ต้องมีอย่างพอดีด้วย แต่หากมีมากเกินไป ไม่เพียงแต่ช่วยทำลายเซลล์ร้าย แต่มันจะพลอยทำลายเซลล์ที่ดีไปด้วย หรือมันอาจปล่อยประจุเข้าใส่รหัสสายพันธุกรรม ทำให้การสร้างสายพันธุกรรมคลาดเคลื่อน จนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง อนุมูลอิสระยังทำให้ผิวหนังแห้งเหี่ยวเกิดรอยตีนกาก่อนวัยอันควรอีกด้วย





           ประโยชน์ของวิตามินอีมีมากมายดังนี้ค่ะ
       
           บำรุงเส้นเลือดและกล้ามเนื้อ วิตามินอี ช่วยขยายเส้นเลือดฝอย ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น


           ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน  คอเลสเอทรอลเมื่อเจอกับอนุมูลอิสระ จะเปลี่ยนคุณสมบัติเป็นก้อนโคลนเหนียวหนืดจับติดผนังเส้นเลือดฝอยได้ตลอดเวลา วิตามินอีมีคุณสมบัติในการยับยั้งไม่ให้คอเลสเทอรอลจับตัวแข็งเป็นก้อนในกระแสเลือด สามารถต้านอนุมูลอิสระได้

            ป้องกันมะเร็ง  การวิจัยในไอโอวาพบว่า หญิงวัยต่ำกว่า 65 ปีที่กินวิตามินอีชนิดแคปซูลเป็นประจำ จะลดความเสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 68 %




             ลดอาการปวดข้อ  ในการศึกษาพบว่า วิตามินอีขนาด 1200 หน่วยสากล ช่วยลดอาการ ปวดข้อ อาการบวม ข้อเท้าติดกันในยามเช้าได้ค่ะ

             ช่วยบำรุงหัวใจ วิตามินอีมีคุณสมบัติบำรุงกล้ามเนื้อ หัวใจก็เป็นกล้ามเนื้อชนิดหนึ่ง เนื่องจากวิตามินอีช่วยให้หลอดเลือดสะอาด ฉะนั้นกล้ามเนื้อหัวใจจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารอัลฟาโทโคฟีรอลในวิตามินอี ยังช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหัวใจที่เสื่อมโทรมให้กลับใหม่ขี้น และวิตามินอียังลดการเกิดลิ่มเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจ

             กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพอทุกวัน มีมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีอายุยืนยาวไม่ป่วยไข้

              ป้องกันต้อกระจก มีการศึกษาในห้องทดลองพบว่า วิตามินอีสามรถยับยั้งการเจริญของต้อกระจกได้ ต้อกระจกถูกยับยั้งได้ถึง 56% ด้วยการกินวิตามินอี




             ทราบถึงประโยชน์มากมายของวิตามินอีแล้วนะค่ะ คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยว่าวิตามินอีมีอยู่ในอาหารชนิดใด คำตอบก็คือ พบได้ในอาหารที่เป็นน้ำมันค่ะ หรือมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำมันพืช (น้ำมันถั่วเหลือง ดอกทานตะวัน และข้าวโพด) เมล็ดพืช เมล็ดถั่ว ข้าวซ้อมมือ รำ และผักบางชนิด  ถ้ากินในอาหารตามปกติที่กล่าวข้างต้น จะได้ขนาดไม่เกิน 30 หน่วยสากลต่อวัน ซึ่งถ้าเราต้องการกินเพื่อหวังผลป้องกันโรคหัวใจ หรือกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จะต้องกินวิตามินอีให้ได้ในปริมาณ 400 หน่วยสากลต่อวัน ซึ่งถ้ากินอาหารตามปกติ คงเป็นไปไม่ได้แน่ เพราะไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องกินน้ำมันข้าวโพดให้ได้วันละ 2 ขวดใหญ่ หรือกินถั่วลิสงวันละ 28 ถ้วย หรือรำวันละ 2 กก. ซึ่งจะจุกตายก่อนแน่ ๆ ฉะนั้นมันมีอีกวิธีหนึ่งคือ ในรูปของแคปซูล ซึ่งง่ายกว่าเยอะเลยค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น