วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ


อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง
รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

อิ่มใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน
น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร
แม่พร่ำเตือนพร่ำสอน สอนสั่ง
ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป

ใช่เพียงอิ่มท้อง
ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุน
ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน

12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ รักแม่มาก ๆ นะคะ

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนและหลังวิ่ง

          ในการวิ่ง หรือออกกำลังกายประเภทอื่น ๆ ทุกครั้ง จะต้องมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังทุกครั้ง เป็นเรื่องสำคัญมากทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะจะเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเคลื่อนไหวร่างกายให้คล่องตัวมากขึ้น สามารถป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับข้อต่อ ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ลดอันตรายที่อาจจะเกิดกับกระดูกสันหลังได้ ช่วยลดอาการตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ


ศึกษาวิธีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้ในคลิปวีดีโอค่ะ




            เมื่อรู้จักวิธียืดเหยียดกล้ามเนื้อกันแล้ว ก็เริ่มออกกำลังกายกันเลยค่ะ โดยเข้าหลักการออกกำลังกายที่ถูกวิธีนะคะ มีทั้งหมด  3 step ค่ะ มีอธิบายไว้ในบทความหลักการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ย้ำนะคะว่า อย่าข้ามขั้นตอนทำให้ครบทั้ง 3 step เพื่อป้องกันการบาดเจ็บคะ

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การวิ่งเพื่อสุขภาพ

         สุขภาพจะดีได้เกิดจากตัวเราเองนี่แหละค่ะ เราสามารถสร้างขึ้นมาได้ หลัก ๆ เลยก็คื่อการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายค่ะ วันนี้ขอเสนอในเรื่องของการวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ การวิ่งนับว่าเป็นการออกกำลังกายที่ประหยัดที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะไม่มีอุปกรณ์อะไรมากมาย นอกจากชุดสำหรับออกกำลังกาย และรองเท้าผ้าใบสำหรับวิ่งโดยเฉพาะค่ะ ประโยชน์ของการวิ่งก็มีมากมายค่ะ

     -  ช่วยในเรื่องของระบบหายใจ ในขณะที่วิ่งระบบกล้ามเนื้อทุดอย่างในร่างกายจะทำงานหมดโดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ปอดจะมีการขยายตัว เพื่อรับออกซิเจนเข้ามาในร่างกาย

       -  ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น สามารถสูบฉีดเข้าไปถึงเซลล์ทุกส่วนของร่างกาย หากออกกำลังกายเป็นประจำจะไม่เหนื่อยง่าย และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันสูงอีกด้วย

       -  จะมีกล้ามเนื่อหัวใจที่แข็งแรง มีระบบสูบฉีดเลือดที่แข็งแรงต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ช่วยลดอัตราที่เสี่ยงต่อโรคของระบบเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

       -  ระบบประสาทและสภาพจิตใจ การตอบสนองจะมีความคล่องตัวสูง กล้าตัดสินใจ มีไหวพริบปฏิพาณดี หลังจากเมื่อเราวิ่งเสร็จแล้ว และพักให้หายจากอาการเหนื่อยแล้วจะทำให้รู้ถึงความเป็นอิสระ หายจากความเครียด ความกังวลต่าง ๆ ก็ จะผ่อนคลาย และมีความสุขเข้ามาแทนที่

         
          อยากจะวิ่งกันแล้วใช่มั้ยค่ะ แต่ช้าก่อนค่ะ เรายังต้องศึกษาวิธีการออกกำลังกายให้ถูกต้องด้วยค่ะ
สามารถดูได้ในบทความเรื่อง หลักการออกกำลังกายที่ถูกต้อง

         และนอกจากนี้ยังจะต้องศึกษาท่าวิ่งที่ถูกต้องอีกด้วย เพราะท่าวิ่งที่ถูกต้องจะช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการที่เราวิ่งผิดวิธีได้ วันนี้ก็เลยนำวีดีโอ การวิ่งที่ถูกต้องมาฝากกันค่ะ
         



วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สุดยอดอาหารธรรมชาติชะลอความแก่

         อายุเป็นเพียงตัวเลขค่ะ อยากให้ทุกคนคิดอย่างนี้ ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ ถ้าหากคุณคิดอยากจะทำอะไรแล้วหละก็ ขอให้ลงมือทำเลยค่ะ ไม่ต้องไปกังวลว่า โอย เราอายุเยอะแล้วคงทำไม่ได้หรอกมันสายไปแล้ว อย่าคิดแบบนั้นค่ะมันทำให้เราหมดกำลังใจ เคยอ่านหนังสือของคุณบัณฑิต  อึ้งรังษี มีอยู่บทหนึ่งเขาเขียนถึงคนที่ประสบความสำเร็จตอนอายุมากแล้วประทับใจมากค่ะ เขายกตัวอย่างมา 3-4 บุคคล คือผู้พันแซนเดอร์ส (Colonel Sanders) สร้าง KFC เมื่อตอนอายุ  60 ปี หลังจากที่ทำอะไรแล้วล้มเหลวมาทั้งชีวิต คุณย่าโมเสส (Grandma Moses) เป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก ภาพวาดของเธอเป็นที่ต้องการจากนักสะสมทั่วโลก เธอเริ่มวาดภาพตอนอายุกว่า 70 ปี นอกจาก 2 คนนี้แล้วยังมีคนอีกมากมายที่เริ่มทำอะไรตอนอายุมาก เหมือนดังเช่นสุภาพของเรา ถ้าดูแลตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ อยู่ก็ยิ่งดี แต่ถ้าอายุมากแล้วก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นได้ทุกเมื่อค่ะ




         เกริ่นเรื่องอายุกันมาตั้งนานเข้าเรื่องสักทีดีกว่า หัวเรื่องก็บอกอยู่แล้วนะค่ะว่าเป็นเรื่องของ สุดยอดอาหารธรรมชาติชะลอความแก่ อายุที่มากขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแก่ลงตามอายุที่มากขึ้นเสมอไป ความแก่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง รอยตีนกาบนใบหน้าอย่างเดียว แต่หมายถึงทุก ๆ เซลล์ในร่างกายที่มีการเสื่อมสภาพลงค่ะ และนำไปสู่การเจ็บป่วยในที่สุด แต่ถ้าเรารู้จักดูแลตัวเอง เราก็จะสามารถชะลอความแก่ลงได้ค่ะ วันนี้จะเสนออาหารจากธรรมชาติที่สามารถชะลอความแก่ได้ค่ะ ได้แก่

 
          ปลา มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นสารสำคัญในการบำรุงสมองและหลอดเลือด มีงานวิจัยมากมายที่ยอมรับว่าการกินปลาเป็นประจำช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ซี่งเป็นกรดไขมันไม่ดีในหลอดเลือด แล้วก็เพิ่มไขมันตัวดี  HDL ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดในสมองตีบ แลโรคสมองเสื่อมได้ ควรกินปลาให้หลากหลายชนิดสลับกันบ่อย ๆ อย่ากินอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรกินให้ได้สัอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลีกเลี่ยงการทอด เพราะกรดไขมันโอเมก้า 3 จะละลายไปกับน้ำมันที่ใช้ทอด

         
           ถั่วเปลือกแข็ง การกินถั่ววันละนิดจะช่วยเสริมสารอาหารดี ๆ ให้แก่ร่างกายได้มาก เพราะถั่วอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ดี สารไฟโตสเตอรอล เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ซีลีเนียม (selenium) และวิตามินอี ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และหลอดเลือดได้ เพื่อป้องกันการได้รับพลังงานเกินความจำเป็น ควรกินถั่วแทนขนมหรือของว่างบางชนิด แทนที่จะเพิ่มการกินถั่วเข้าไปเพียงอย่างเดียว ถั่วเปลือกแข็งได้แก่ ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ พิสตาชิโอ วอลนัต

      

     โอลเกรน หรือ แป้งไม่ขัดสี เพราะแป้งไม่ขัดสีอุดมไปด้วยสารที่ช่วยชะลอความแก่มากมาย ทั้งวิตามินบี วิตามินอี แมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร มีส่วนช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้า เพิ่มสมาธิในการทำงาน ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด แป้งไม่ขัดสีได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีต ข้าวโพด คำแนะนำในการบริโภคคือ ควรกินแป้งไม่ขัดสีให้ได้ครึ่งหนึ่งของแป้งทั้งหมด ง่าย ๆ ก็คือ กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว เลือกกินขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังสีขาว




            ผักผลไม้หลากสีสัน เพราะแต่ละสีแต่ละชนิดนั้นจะมีสารเคมีที่แตกต่างกันออกไปคือ
                    
           กลุ่มสีเหลืองหรือสีส้ม มีสารเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) ปกป้องและซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายและเพิ่ม ระบบภูมิคุ้มกัน

           กลุ่มสีเขียวเข้ม มีสารลูทีน (lutein) ช่วยลดความเสี่ยงของต้อกระจก

           กลุ่มสีแดง มีสาร (lycopene) ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก

          กลุ่มสีม่วงแดง มีสารแอนโตไชยานิดิน (anthocyanidins) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมและเพิ่มภูมิคุ้มกันได้

          กลุ่มสีขาว ผักผลไม้ที่มีสีขาว สีชา สีน้ำตาล มีสารประกอบสำคัญหลายชนิดที่นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น สารไอโซไทโอไซนาเนต (isothiocyanates) ที่พบในกำหล่ำปลี ดอกกระหล่ำ  มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด ควรเลือกกินผักผลไม้ทุก ๆวัน สลับกันไปตามฤดูกาล



         โยเกิร์ต ในโยเกิร์ตมีเชื้อจุลินทรีย์ พบว่าการมีเชื้อจุลินทรีย์ในปริมาณที่มากพอ ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ

          กระเทียม มีสารอัลลิอิน (alliin) พบว่ามีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ควรใช้ปรุงรสอาหารหรือจะรับประทานแบบสด ๆ ก็ได้

          ขมิ้น มีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์คิวมิน (curcumin) จะช่วยปกป้องและบำรุงสมองได้มาก ป้องกันโรคสมองเสื่อม และอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิดได้ด้วย สามารถโรยผงขมิ้นไปกับอาหารที่เรารับประทานได้เลย หรือจะนำมาปรุงเป็นอาหารก็ได้ เช่น แกงส้ม ปลาทอดขมิ้น ฯลฯ

           ชา มีสารฟลาโวนอล มีส่วนช่วยให้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง ลดการอุดตันไขมันในหลอดเลือด สังเกตุมั้ยว่า คนจีน คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีอายุยื่น และเป็นชาติที่นิยมการดื่มชาเป็นพิเศษ





            รู้อย่างนี้แล้วไปหามารับประทานกันดีกว่าค่ะ เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเราจะได้ชะลอวัย แล้วก็จะได้มีสุขภาพแข็งแรงด้วยค่ะ

         


วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของวิตามินอี

         

          สวัสดีค่ะ หายไป 2 - 3 วันเลย พอดีติดธุระเลยไม่ค่อยมีเวลาค่ะ วันนี้มาแล้วค่ะมาอัปเดทข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพมาฝากเช่นเคยค่ะ วันนี้นำเรื่อง วิตามินอีมาฝากกันค่ะ   วิตามินอีนี้ มีหน้าที่หลัก ๆ อยู่สองประการค่ะ คือ 1.  เป็นสารเคมีที่จำเป็นสำหรับขับเคลื่อนปฏิกริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต 2.  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีการค้นพบว่า ถ้าคนเรามีสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือดมากขึ้น คนเราก็จะมีอายุยืน สุขภาพแข็งแรงขึ้น


           หลาย ๆ คนคงรู้แล้วว่าอนุมูลอิสระคืออะไร แต่สำหรับคนที่ยังงง ๆ อยู่ก็ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ก็จะเล่าให้ฟังด้วยเลย เจ้าตัวอนุมูลอิสระก็คือ เป็นสารที่สิ่งมีชีวิตในโลกสร้างขึ้น เมื่อหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป มันเป็นส่วนสำคัญในขบวนการสันดาปของร่างกาย ซึ่งส่งผลให้เกิดการนำพลังงานไปใช้ เกิดการสังเคราะห์โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเราจะทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคไม่ได้ หากปราศจากอนุมูลอิสระ แต่มันก็ต้องมีอย่างพอดีด้วย แต่หากมีมากเกินไป ไม่เพียงแต่ช่วยทำลายเซลล์ร้าย แต่มันจะพลอยทำลายเซลล์ที่ดีไปด้วย หรือมันอาจปล่อยประจุเข้าใส่รหัสสายพันธุกรรม ทำให้การสร้างสายพันธุกรรมคลาดเคลื่อน จนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง อนุมูลอิสระยังทำให้ผิวหนังแห้งเหี่ยวเกิดรอยตีนกาก่อนวัยอันควรอีกด้วย





           ประโยชน์ของวิตามินอีมีมากมายดังนี้ค่ะ
       
           บำรุงเส้นเลือดและกล้ามเนื้อ วิตามินอี ช่วยขยายเส้นเลือดฝอย ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น


           ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน  คอเลสเอทรอลเมื่อเจอกับอนุมูลอิสระ จะเปลี่ยนคุณสมบัติเป็นก้อนโคลนเหนียวหนืดจับติดผนังเส้นเลือดฝอยได้ตลอดเวลา วิตามินอีมีคุณสมบัติในการยับยั้งไม่ให้คอเลสเทอรอลจับตัวแข็งเป็นก้อนในกระแสเลือด สามารถต้านอนุมูลอิสระได้

            ป้องกันมะเร็ง  การวิจัยในไอโอวาพบว่า หญิงวัยต่ำกว่า 65 ปีที่กินวิตามินอีชนิดแคปซูลเป็นประจำ จะลดความเสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 68 %




             ลดอาการปวดข้อ  ในการศึกษาพบว่า วิตามินอีขนาด 1200 หน่วยสากล ช่วยลดอาการ ปวดข้อ อาการบวม ข้อเท้าติดกันในยามเช้าได้ค่ะ

             ช่วยบำรุงหัวใจ วิตามินอีมีคุณสมบัติบำรุงกล้ามเนื้อ หัวใจก็เป็นกล้ามเนื้อชนิดหนึ่ง เนื่องจากวิตามินอีช่วยให้หลอดเลือดสะอาด ฉะนั้นกล้ามเนื้อหัวใจจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารอัลฟาโทโคฟีรอลในวิตามินอี ยังช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหัวใจที่เสื่อมโทรมให้กลับใหม่ขี้น และวิตามินอียังลดการเกิดลิ่มเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจ

             กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพอทุกวัน มีมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีอายุยืนยาวไม่ป่วยไข้

              ป้องกันต้อกระจก มีการศึกษาในห้องทดลองพบว่า วิตามินอีสามรถยับยั้งการเจริญของต้อกระจกได้ ต้อกระจกถูกยับยั้งได้ถึง 56% ด้วยการกินวิตามินอี




             ทราบถึงประโยชน์มากมายของวิตามินอีแล้วนะค่ะ คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยว่าวิตามินอีมีอยู่ในอาหารชนิดใด คำตอบก็คือ พบได้ในอาหารที่เป็นน้ำมันค่ะ หรือมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำมันพืช (น้ำมันถั่วเหลือง ดอกทานตะวัน และข้าวโพด) เมล็ดพืช เมล็ดถั่ว ข้าวซ้อมมือ รำ และผักบางชนิด  ถ้ากินในอาหารตามปกติที่กล่าวข้างต้น จะได้ขนาดไม่เกิน 30 หน่วยสากลต่อวัน ซึ่งถ้าเราต้องการกินเพื่อหวังผลป้องกันโรคหัวใจ หรือกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จะต้องกินวิตามินอีให้ได้ในปริมาณ 400 หน่วยสากลต่อวัน ซึ่งถ้ากินอาหารตามปกติ คงเป็นไปไม่ได้แน่ เพราะไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องกินน้ำมันข้าวโพดให้ได้วันละ 2 ขวดใหญ่ หรือกินถั่วลิสงวันละ 28 ถ้วย หรือรำวันละ 2 กก. ซึ่งจะจุกตายก่อนแน่ ๆ ฉะนั้นมันมีอีกวิธีหนึ่งคือ ในรูปของแคปซูล ซึ่งง่ายกว่าเยอะเลยค่ะ